สำหรับงานของนักบัญชีนั้น สามารถที่จะทำได้ในหลากหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นทั้งรัฐบาล รวมไปถึงการนำความรู้ไปประกอบอาชียอิสระได้ เพราะว่าการทำบัญชีนั้นจะต้องอาศัยนักบัญชีในการจัดเก็บรวบรวมทางการเงิน มีความจำเป็นเกือบทุกองค์และจะมีตำแหน่งทางบัญชี แม้กระทั้งหน่วยงานที่ไม่แสวงหากำไรอย่างเช่นมูลนิธิการกุศลต่างๆไม่ว่าจะเป็นขนาดใหญ่หรือว่าเล็กก็ตาม นักบัญชีจะต้องเข้ามามีบทบาท แม้กระทั้งเกี่ยวกับการส่งของ การตลาด ข้อมูลทางการเงินมีความสำคัญมาก ส่วนใหญ่มีการแบ่งลักษณะของผู้ทำบัญชีไว้ 3 ลักษณะดังนี้
1. นักบัญชีหน่วยงานเอกชน เป็นหน่วนงานที่เป็นกิจการเอกชน บริษัทในรูปแบบต่างๆ จะเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าหน้าที่หรือว่าพนังงานในกิจการนั้นๆ เป็นลูกจ้างเอกชน จะได้รับเงินเดือนเป็นท่าตอบแทน หรือจะมีโบนัส OT บริษัทเอกชนเหล่านี้มีความต้องการให้นักบัญชีได้เข้ามาจัดเก็บข้อมูลทางด้านการเงิน ให้กับเจ้าของหรือว่าผู้บริหารในกิจการบริษัท ให้ได้รับข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจต่างๆในด้านการลงทุน เพราะบางทีเจ้าของอาจจะไม่มีความรู้ในด้านการบัญชี นักบัญชีจึงมีความจำเป็นมากในองค์ หากเป็นบริษัทที่ใหญ่แล้วอาจจะต้องมีพนังงานด้านบัญชีแบ่งไปหลานคนหลายหน่วยงาน นอกจากนั้นนักบัญชีอาจจะใช้ความรู้ในด้านการประเมินภาษีให้กับกรมสรรพากร รายงานประจำปี งานบัญชีอาจจะมีได้มีขอบเขตทางด้านการเงินเท่านั้น นักบัญชีอาจจะไปทำงานที่เกียวกับการตรวจสอบสินค้า ก็ได้ ยังรวมไปถึงองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ก็ต้องมีการรวบรวมทางการเงินโดยนักบัญชีด้วย ตำแหน่งงานต่างๆ อย่างเช่น หัวหน้าแผนกบัญชี สมุห์บัญชี นักบัญชี ผู้ตรวจสอบบัญชีประจำบริษัท เป็นต้น
2. นักบัญชีราชการ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรักฐแบบใดก็ตาม จะเป็นรัฐบาล ราชการ หรือว่ารัฐวิสาหกิจ ล้วนมีความจำเป็นที่ต้องการนักบัญชีไว้ เพื่อ เก็บข้อมูลรายจ่าง งบประมาณที่ได้รับ รายละเอียดทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานในระดับใดล้วนมีความจำเป็นอย่างเช่น หน่ายงานองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น อบจ. อบจ. เทศบาล ต่างๆ จะต้องมีการจัดเก็ยภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีป้าย สัมปทาน และรายได้อื่นๆ รวมไปถึงงบประมาณทางส่วนกลาง และช่วยในการวิเคราะห์ งบประมาณ ต่างๆ ให้เป็นไปตามนโยบาลของส่วนท้องถิ่นนั้นๆ ได้วางแผนเอาไว้ หรือว่าจะเป็นสำนักงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอำเภอ จังหวัด รวมไปถึง กรมการ สำนักงานต่างๆ ที่มีการวางแผนในระดับประเทศ จำเป็นที่จะต้องมีนักบัญชีในการรวบรวมการเงินเพื่อเป็นการประเมินและได้วางแผนต่อไป ตามนโยบาลของรัฐบาล กระทรวงการคลัง ซึ่งมีพระราชบัญบัติงบประมาณเป็นไปตามสภาผู้แทนราษฎรอนุมัติรายจ่ายประจำมี สำหรับนักบัญชีที่ทำงานราชการก็จะได้เป็นราชการได้รับเงินเดือนเหมือนกันข้าราชการทั่วไป ที่สำคัญการทำบัญชีในหน่วยงานราชการจะมีความแตกต่างไป เพราะว่าเป็นองส์กรที่ไม่แสวงหากำไร โดยจะมีแบบแผนการบัญชีของรัฐที่เราจะต้องศึกษาก่อนเข้ารับราชการ
3. งานการบัญชีสาธารณะหรือว่างานบัญชีส่วนบุคคล เป็นงานที่มีความเป็นอิสระ ไม่ได้เป็นลูกจ้างหรือว่าได้รับค่าจ้างเป็นเงินเดือน หรือว่ารับราชการ แต่ว่าจะได้รับเป็นเงินจ้างตามอัตราที่ได้รับตกลงกับนายจ้างไว้ หรือว่าการทำงานแบบฟรีแลนด์ที่ไม่ได้ขึ้นตรงต่อใคร ไม่ได้ทำงานแบบลูกจ้างประจำ ไม่มีเวลาการทำงานที่แน่นอน จะรับงานตามที่มีผู้ว่าจ้างให้ทำ เหมือนกับอาชีพอัสระในด้านต่างๆ เช่น ทนายความ รับว่าความตามคดีต่างๆ หนอที่รักษาคนไข้ด้วยการเปิดคลิก รักษา ซึ่งเขาได้รับค่าบริการตามจำนวนและขึ้นอยู่กับการตกลง นักบัญชีอิศระ อย่างเช่น นักบัญชีทั่วไป หรือว่าผู้ตรวจสอบบัญชี ซึ่งอาชีพนี้จะต้องผ่านการคัดเลือกตามกฎหมายเป็นวีชาชีพ ผู้ตรวจอสบัญชีได้รับอนุญาตเสียก่อนจึงจะสามารถที่จะทำงานนนี้ได้ หรือที่เรียกว่า CPA ซึ่งนักบัญชี มีความสามารถดูแลด้านภาษีตรวจสอบบัญชี วิเคราะห์ระบบบัญชี และวงแผนระบบบัญชีได้ ให้คำปรึกษาทางภาษีอากร ให้กับหน่าวยงาน กิจการ บริษัทต่างๆ
กิจการได้ดำเนินงานต่างๆ ผลของการดำเนินการจะดูที่งบกำไรขากทุน และฐานะทางการเงินก็จะดูได้จากงบแดงฐานะการเงินซึ่งเป็นรายงานทางการเงินที่กิจการต้องมี การที่เราจะรับรู้ได้นั้นจะต้องนำรายการมาผ่านกระบวนการทางบัญชี เพื่อให้ได้รายงานทางการเงินเป็นบทสรุป ดังนั้นแล้วเราจะเป็นที่จะต้องกำหนดระยะเวลาในการสรุปในรอบเวลานั้นเรียกว่า “งวดบัญชี” เพื่อให้การดำเนินงานของกิจการได้สรุปผลออกมาและนำข้อมูลที่ได้จากรายงานทางการเงินกำหนดการบริหารในอนาคต รวมถึงการคิดค่าภาษีเงินได้ที่ต้องชำระอีกด้วย แต่มีบางรายการที่ได้เงินหรือค้างชำระตามงวดนั้นไม่ได้เป็นจริงตามระยะเวลาของงวด ซึ่งในเกณฑ์คงค้างจะต้องทำการปรับปรุงเมื่อสินงวดการปรับปรุงรายการบัญชี จะใช้ในกิจการที่ใช้เกณฑ์คงค้าง โดยการนำงบทดลองที่ได้จากการปิดบัญชีแล้วนั้นเรียกว่างบทดลองก่อนปรับปรุง หลังจากที่ได้ทำการปรับปรุงบางรายการที่ไม่เกิดขึ้นในระยะเวลาในงวดบัญชี เราต้องมีการปรับปรุงให้คำนึงถึงระยะเวลาไม่ต้องใช้เงินสดแต่มีความแน่นอนว่ารายการจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต รายการปรับปรุงจะต้องทำทุกสิ้นงวด หลังจากปรังปรังแล้วจะกลายเป็นงบทดลองหลังปรับปรุงก่อนที่จะไปแสดงในยอดงบกำหรขากทุนและงบแสดงฐานะทางการเงิน ซึ่งจะทำในกระดาษทำการ…
แนวทางของการศึกษาทางเศษรฐศาสตร์นั้นสามารถที่จะแบ่งแนวทางได้ 2 แนวทางใหญ่ เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างความเข้าใจให้กับผู้ที่ต้องการศึกษาถึงเรื่องเศรษฐศาสตร์ ซึ่งมีความจำเป็นมากเพราะว่ามีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเรา โดยที่เราจำเป็นที่จะใช้จ่ายในการต้องการสินค้าและบริการเราต้องการทราวความพอใจที่ราคาต่ำสุด หลักการดังการเป็นการใช้กลัดของทางเศรษฐศาสตณืในการเข้าช่วยในการตัดสินใจ รายได้ที่ได้รับมาเท่านั้นเท่านี้ทำอย่างไรจึงจะพอต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงการอยู่การกินทั่วๆไปการศึกษาจึงสามารถที่จะทำได้ปหลากหลายอาจจะระบุตามตรงให้ได้เลยนั้นไม่สามารถที่จะทำได้ สามารถที่จะปรับเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม ลักษณะพฤติกรรมของคนและปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งมีความแตกต่างไปจากวิทยาศสตร์ที่สามารถทดลองออกมาได้อย่างเที่ยงตรง ทางนักเศรษฐศาสตร์เองนั้นจึงได้หาแนวทางในการศึกษาให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยหลักใช้ทางคือ วิธีอนุมาน …
สำหรับแขนงของวิชาเศรษฐศาสตร์ได้บางตามหน่วยของเศรษฐกิจ ซึ่งสามารถที่จะครอบคลุมทั้งระดับเล็กสุดของตัวบุคคลและระดับประเทศชาติ ซึ่งการศึกษาและการแก้ไขปัญหามีความแตกต่างกัน คนที่จะศึกษาเศรษฐศาสตร์นั้นจึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาให้ครอบคลุมทั้งระบบ อย่างเช่นเรื่องของบุคคลก็จะศึกษาเรื่องเกี่ยวกับรายได้ของตัวเอง รายจ่ายที่ใช้ชีวิตประจำวัน การแลกเปลี่ยนและอื่นๆ สำหรับเรื่องในระดับประเทศเกี่ยวกับการเก็บภาษี การค้าระหว่างประเทศต่างๆ ดังนั้นจึงมีการแบ่งออกเป็นสองแขนงได้แก่1. เศรษฐศาสตร์จุลภาค (Micro Economics) สำหรับการศึกษาเศรษฐศาสตร์จุลภาคนั้นเป็นการศึกษาตั้งแต่ในระดับตัวบุคคลเป็นหน่วยย่อย รวมไปถึงการศึกษาพฤติกรรมของแต่ละกลุ่มและละบุคคลในการบริโภคในการซื้อของแต่ละชนิด สามารถที่จะราคาสินค้าและปัจจัยการผลิตในการดำเนินการของตลาดของผู้ผลิต การกำหนดปัจจัยการผลิต …
ในการดำเนินชีวิตในประจำวันนั้นมีการใช้ชีวิตที่ต้องเจอกับปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องความเป็นอยู่พื้นฐานของเรา อารใช้ปัจจัยสี่ในการใช้ชีวิต โดยเฉพราะการใช้จ่ายอย่างไรให้เพียงพอและสามารถเกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับสำหรับคนที่ใช้จ่ายอย่างไร ซึ่งปัญหาเหล่านี้ทางผู้ผลิตจึ้งต้องทราบก่อนที่จะผลิตสินค้าป้อนเข้าสู่ตลาด ซึ่งทราบกันดีว่าทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างไม่จำกัดอย่างไรจึงทำให้เกิดวิชาศึกษาเศรษฐศาสตร์ขั้นมา และปัญหาพื้นทางเศษฐกิจนั้น แบ่งเป็น 2 ด้านคือ ด้านจุลภคและด้านมหาภาค1. ปัญหาทางเศรษฐศาสตร์จุลภาค ได้แก่– จะผลิตอะไร จะผลิตอะไรบ้างให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างไม่จำกัรดแต่มีวัตถุดิบที่ใช้ผลิตมีจำกัด–…
อุปสงค์ คือ การเสนอเลือกซื้อสินค้าในปริมาณที่ผู้บริโภคต้องการ ในราคาต่างๆ ในเวลาใดเวลาหนึ่ง มีความต้องการจงใจที่จะซื้อ และความสามารถที่จะซื้อในช่วงเวลานั้นดังนั้นแล้วจึงเป็นความต้องการที่สามารถ ซื้อได้จริงตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งจะต้องมีความต้องอย่างและมีเงินที่จะจ่ายได้ปัจจัยที่กำหนดอุปสงค์การที่ผู้บริโภคต้องการที่จะซื้อสินค้าหรือบริการในชระยะเวลาใดระยะเวลาหนึ่ง จะมีมากน้อยซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังนี้ ราคาสินค้าชนิดนั้นระดับรายได้ของผู้บริโภคราคาสินค้าและบริการชนิดอื่นๆที่เกี่ยวข้อรสนิยของผู้บริโภคจำนวนประชากรการโฆษณาช่วงระยะเวลาหรือฤดูกาล เป็นต้น สำหรับปัจจัยดังกล่าวสามารถที่จะอธิบายได้ดังนี้ราคาสินค้า เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อผู้บริโภค …
สำหรับในวิชาเศรษฐศาสตรแล้วนั้นคงต้องมีความควบคู่กับระหว่างอุปสงค์และอุปทานเสมอ ดังนั้นแล้ว อุปทานก็คือ ปริมาณสินค้าหรือบริการที่ผู้ขายต้องการเสนอขาย ในระดับราคาต่างๆ ในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง โดยให้ปัจจัยอื่นๆคงที่ ก็คือความต้องการขายหรือทางเสนอขายของผู้ผลิตหรือผู้ให้บริการนั้นเองปัจจัยที่กำหนดอุปทาน1. ราคาสินค้าสินนั้น (Px)2. ราคาปัจจัยการผลิต(Py)3. ต้นทุนการผลิต (C)4. เทคโนโลยีการผลิต (T) ราคาสินค้าชนิดนั้น หากราคาสินค้าชนิดนั้นเพิ่มขึ้นจะทำให้ผู้ผลิตสินค้าชนิดนั้นมีความต้องการขายสินค้ามากขึ้นด้วย และหากสินค้าชนิดนั้นลดลงผู้ขายต้องการที่จะขายสินค้าชนิดนั้นลดลงเช่นกัน สรุปคือไปตามขนาดกับราคาสินค้านั้นเองราคาปัจจัยการผลิต มีทิศทางตรงกันข้ามนั้นก็คือถ้าปัจจัยการผลิตสินค้ามีมากขึ้นหรือว่าราคาสูงขั้นก็จะทำให้มีความต้องการสินค้านั้นลดลงเพราะว่าจะทำให้ผู้ผลิตนั้นมีกำไรลดลงแต่หากปัจจัยการผลิตสินค้าลดลงก็จะทำให้ความต้องการขายสินค้าเพิ่มากขึ้นด้วยต้นทุนการผลิต สำหรับต้นทุนการผลิตหากต้นทุการผลิตเพิ่มขึ้นก็จะทำให้มีความต้องการขายสินค้าลดลงและหากต้นทุนการผลิตต่ำลงเทคโนโลยีการผลิต …